การศัลยกรรมร่องแก้มหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “แก้มกระชับ” เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่เป็นทางเลือกในการปรับรูปร่างและลดการหย่อนคล้องของแก้ม เป้าหมายหลักของกระบวนการนี้คือการเสริมความยืดหยุ่นของผิวหนังและกล้ามเนื้อในพื้นที่แก้มเพื่อสร้างความรูปร่างที่มีความสมดุลและเป็นรูปภาพที่ผู้รับการศัลยกรรมประทับใจได้
กระบวนการศัลยกรรมร่องแก้มมักใช้ในการเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก้มหรือทำให้แก้มดูมั่นคง ประกอบด้วยขั้นตอนหลายขั้นตอนที่ผ่านมาแต่ละขั้นตอนอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวิธีการที่ใช้ อาจมีการตัดเล็บหรือการใช้นวดยางในการร่องแก้ม ส่วนหลักๆของกระบวนการนี้ประกอบด้วยขั้นตอนดังนี้
1.การทำความเข้าใจความต้องการ: แพทย์จะสังเกตและฟังคำถามและความคาดหวังของผู้รับการศัลยกรรม เพื่อให้สามารถวางแผนและปรับแก้วิธีการได้อย่างเหมาะสมกับแต่ละบุคคล
2.การให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนการศัลยกรรม: ผู้รับการศัลยกรรมอาจต้องหลีกเลี่ยงการบริโภคยาบางชนิดหรือเครื่องดื่มที่อาจมีผลกระทบต่อการ
มีวิธีการเสริมร่องแก้มหลากหลายแบบที่ใช้ได้ ในปัจจุบันมีวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายที่ผู้คนนิยมใช้ ได้แก่
1.การเสริมร่องแก้มด้วยฟิลเลอร์เสริมร่องแก้ม: วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการฉีดสารเติมเต็มประเภทหนึ่งที่เรียกว่าฮิยาลูรอนิคแอซิด (Hyaluronic Acid: HA) เข้าไปในบริเวณร่องแก้ม ฮิยาลูรอนิคแอซิด (HA) นี้ใช้เป็นตัวทดแทนคอลลาเจนและฮิยาลูรอนิคที่เป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างผิวหนังที่ธรรมชาติ ปกติแล้วฟิลเลอร์ปริมาณ 1-2 ซีซีเพียงพอสำหรับปัญหาระดับเล็กน้อย ในกรณีที่ร่องแก้มลึกมากอาจต้องใช้ฟิลเลอร์ปริมาณ 3-4 ซีซี ผลของฟิลเลอร์สามารถรักษาได้ประมาณ 1-2 ปีก่อนที่จะละลายธรรมชาติ นอกจากนี้ฟิลเลอร์ยังช่วยเก็บความชุ่มชื่นในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้ร่องแก้มดูตื้นสม่ำเสมอ และมีลักษณะเต่งตึงเหมือนธรรมชาติอีกด้วย
การฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้มมีข้อดีต่างๆ ดังนี้:
- เห็นผลทันที: ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้มสามารถเห็นได้ทันทีหลังการทำโปรศักยภาพ
- ไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีรอยแผล: วิธีการนี้ไม่ต้องทำการผ่าตัดใดๆ ทำให้ไม่เกิดรอยแผลในบริเวณร่องแก้ม
- ไม่ต้องพักฟื้น: เนื่องจากเป็นกระบวนการฉีดเสริมผิวหนังง่ายๆ จึงไม่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวหลังจากการทำ
- ไม่ทำให้เกิดการแพ้: ฟิลเลอร์ที่ใช้ในการเสริมร่องแก้มมักเป็นสารที่เป็นประเภทธรรมชาติที่ร่างกายยอมรับได้ จึงมีความน้อยที่จะเกิดการแพ้หรือปฏิกิริยากับร่างกาย
- ไม่มีสารตกค้างในร่างกาย: สารฟิลเลอร์เสริมร่องแก้มมักจะถูกสลายและขับถ่ายออกจากร่างกายตามธรรมชาติ ซึ่งไม่ทำให้เกิดสารตกค้างภายในร่างกาย
- ฉีดเติมใหม่ได้เรื่อยๆ ไม่เป็นอันตราย: หากผลลัพธ์ของการเสริมร่องแก้มด้วยฟิลเลอร์เริ่มเลี่ยงลง สามารถทำการฉีดเติมใหม่เพื่อคงความสมดุลและผลลัพธ์ที่ต้องการได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
การฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้มนั้นมีข้อเสียที่ควรรู้ดังนี้:
- ฉีดแล้วอยู่ได้ประมาณ 1-2 ปี และอาจต้องเติมซ้ำ: ผลลัพธ์ของการเสริมร่องแก้มด้วยฟิลเลอร์จะมีอายุประมาณ 1-2 ปีก่อนที่จะสลายลง จึงอาจต้องมีการเติมฟิลเลอร์เพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ดีและคงทนได้อีกครั้งในอนาคต
- ราคาค่อนข้างสูง: กระบวนการฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้มมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าวิธีการอื่นๆ เนื่องจากต้องใช้วัสดุฟิลเลอร์และค่าบริการของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ค่าใช้จ่ายนี้อาจเป็นข้อจำกัดสำหรับบางคนที่มีงบประมาณจำกัด
อย่างไรก็ตาม ควรพิจารณาข้อดีและข้อเสียทั้งหมดเพื่อตัดสินใจที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพบุคคลของแต่ละบุคคลก่อนตัดสินใจที่จะทำการเสริมร่องแก้มด้วยฟิลเลอร์
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้มมีดังนี้:
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการพิจารณาปัญหาที่ต้องการแก้ไขและให้คำแนะนำแก่ผู้รับบริการ โดยกำหนดตำแหน่งที่จะฉีดฟิลเลอร์และปริมาณที่เหมาะสมของฟิลเลอร์
เตรียมความพร้อมด้วยการทำความสะอาดใบหน้าตรงจุดที่จะฉีดฟิลเลอร์
แพทย์จะต้องแกะกล่องฟิลเลอร์เพื่อตรวจสอบและให้มั่นใจว่าเป็นของแท้
แพทย์จะทำการฉีดฟิลเลอร์ตามตำแหน่งที่กำหนดไว้
หลังการฉีดฟิลเลอร์เสร็มร่องแก้มแล้ว ผู้รับบริการอาจได้รับการประคบเย็นเพื่อลดความเจ็บจากเข็ม บางชนิดของฟิลเลอร์อาจมียาชาผสมอยู่แล้วในส่วนของฟิลเลอร์
แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังฉีดเสร็จ และผู้รับบริการสามารถกลับบ้านได้โดยไม่ต้องพักฟื้น
การฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้มนั้นเป็นกระบวนการที่ปลอดภัยและไม่ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวนานนับวัน แต่ผู้รับบริการควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยที่สุด
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์เสริมร่องแก้มนั้นมีขั้นตอนดังนี้:
งดออกกำลังกายที่ต้องใช้แรง ตากแดด หรือการแตะ แกะ เกาและกดนวดในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลา 2 วันแรก เพราะอาจทำให้เกิดรอยแดง บวม บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
หลีกเลี่ยงการขยับผิวในจุดที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลา 3 วันแรก เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนได้
หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ และนอนให้ศีรษะสูงกว่าร่างกายประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อช่วยลดอาการบวม
งดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
งดอาหารรสจัด ของดิบ และของแสลงตามคำแนะนำของแพทย์อย่างน้อย 2 สัปดาห์
งดเลเซอร์ อบไอน้ำ หรืออบซาวด์หน้าที่ใช้ความร้อนอย่างน้อย 4 สัปดาห์
ประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการบวม เจ็บ คัน ตึง หรือรอยฟกช้ำ
รับประทานยาแก้ปวดและยาลดบวมเมื่อมีอาการ หรือตามคำสั่งของแพทย์
งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
นัดพบแพทย์ตามนัด และหากมีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ทันทีก่อน
2.การเสริมร่องแก้มด้วยการถ่ายไขมัน: วิธีนี้เกี่ยวข้องกับการใช้ไขมันเกินจากตัวผู้ป่วยเพื่อเสริมร่องแก้ม ไขมันจะถูกฉีดภายใต้ผิวหนังในบริเวณร่องแก้มเพื่อเพิ่มปริมาณและความเต็มเนื้อให้กับร่องแก้ม ปริมาณไขมันที่ใช้ไม่มีข้อจำกัด แต่จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้มีประสบการณ์ ผลลัพธ์ของการถ่ายไขมันสามารถคงอยู่ได้ประมาณ 2-5 ปีและอาจยืดหยุ่นนานกว่านี้ก็ได้เมื่อดูแลตนเองอย่างถูกต้อง
ข้อดีของการฉีดไขมันเสริมร่องแก้มคือ:
- แผลเล็ก ไม่มีแผลหลังการผ่าตัด: การฉีดไขมันเสริมร่องแก้มไม่ต้องผ่าตัดเนื่องจากใช้ไขมันสดจากตัวเอง ทำให้ไม่เกิดแผลหลังการผ่าตัด
- ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน: เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดใหญ่ การฉีดไขมันเสริมร่องแก้มจะใช้เวลาในการฟื้นตัวและหายของแผลน้อยกว่า
- เสียเลือดน้อย มีอาการบวมช้ำไม่มาก: การฉีดไขมันไม่มีการกระทำต่อเลือดมากเท่าการผ่าตัด ทำให้มีเลือดออกน้อยและไม่มีอาการบวมช้ำมาก
- ลดไขมันส่วนเกินของร่างกายได้ด้วย: ในกรณีที่มีไขมันส่วนเกินในส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณท้อง สะโพก เราสามารถใช้ไขมันเหลือเกินมาฉีดเสริมร่องแก้มได้
- มีสัมผัสนุ่มนวล เรียบเนียน ยืดหยุ่นอย่างเป็นธรรมชาติ: ไขมันที่ถูกฉีดเสริมให้ร่องแก้มจะทำให้ผิวดูนุ่มนวล ราบเนียน และมีความยืดหยุ่นเหมือนธรรมชาติ
- ไม่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ร่างกาย ลดโอกาสเกิดอาการแพ้: เนื่องจากใช้ไขมันสดจากตัวเอง การฉีดไขมันเสริมร่องแก้มไม่มีสิ่งแปลกปลอม
ข้อเสียของการฉีดไขมันเสริมร่องแก้มคือ:
- มีแผลเขียวช้ำจากบริเวณที่นำไขมันออกมา: การฉีดไขมันเสริมร่องแก้มอาจทำให้เกิดแผลเขียวช้ำหรือบวมบริเวณที่ได้นำไขมันออกมา
- มีโอกาสเสี่ยงที่ไขมันจะไม่ติดบนหน้า: ไม่ใช้ไขมันที่เต็มที่จะติดบนหน้าได้อย่างสมบูรณ์ทุกครั้ง อาจเกิดการย่อตัวของไขมันหรือการย่อยลงได้ในระยะเวลาหลังจากการฉีด
- ฉีดแล้วอยู่ได้ประมาณ 2-5 ปี และอาจจะต้องเติมซ้ำ: การฉีดไขมันเสริมร่องแก้มไม่ใช่วิธีการที่อยู่ได้ยาวนาน ผลลัพธ์อาจสูญเสียลงในช่วงเวลา 2-5 ปีและอาจจะต้องทำการเติมไขมันซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
ขั้นตอนการฉีดไขมันเสริมร่องแก้มมีดังนี้:
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะอธิบายแผนการฉีดไขมันเสริมร่องแก้มให้กับผู้รับบริการ และนัดวันทำโดยเฉพาะ
- แพทย์จะดูดไขมันส่วนเกินจากบริเวณที่วางแผนไว้ ซึ่งเป็นการดึงไขมันออกจากส่วนอื่นของร่างกาย
- ไขมันที่ได้มาจะถูกปั่นแยกเซลล์เพื่อให้ได้ไขมันที่มีคุณภาพและสามารถนำมาใช้ได้
- ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการฉีดไขมัน ใบหน้าจะถูกทำความสะอาดเพื่อฆ่าเชื้อและฉีดยาชาเพื่อให้ผู้รับบริการรู้สึกผ่อนคลาย
- ในบางกรณี แพทย์อาจพิจารณาให้ยาสลบเพื่อคลายความกังวลและบรรเทาอาการให้กับผู้รับบริการ
- ไขมันที่คัดแยกและมีคุณภาพจะถูกนำมาฉีดเข้าไปในบริเวณร่องแก้มบนใบหน้า
- แพทย์จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลตัวเองหลังจากการฉีดเสร็จสิ้น และผู้รับบริการสามารถกลับบ้านได้ทันทีโดยไม่ต้องพักฟื้นเฉพาะอย่างไร
การดูแลตัวเองหลังการฉีดไขมันเสริมร่องแก้มเป็นสิ่งสำคัญที่ควรให้ความสำคัญ ดังนั้น นี่คือคำแนะนำในการดูแลรักษาแผลหลังการฉีดไขมันเสริมร่องแก้ม:
รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งให้ครบตามคำแนะนำ
- ทำความสะอาดแผลผ่าตัดทุกวันโดยใช้วิธีที่แพทย์แนะนำ และทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด จนกว่าแผลจะแห้งหายและติดแน่น
- งดนวดหน้า หรือใช้ครีมหรือโลชั่นบำรุงหน้าภายใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการผ่าตัด
- ประคบเย็นด้วยเจลประคบบนบริเวณที่ฉีดไขมันเสริมร่องแก้มในช่วง 2-3 วันแรกหลังการผ่าตัดเพื่อลดอาการบวม
- นอนหมอนให้ศีรษะสูงกว่าร่างกายในช่วง 3 วันแรกหลังการผ่าตัด
- งดการรับประทานวิตามิน อาหารเสริม ยาบำรุง และยาต้านเกร็ดเลือดทุกชนิดต่อเนื่องอย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดสัมผัสหน้าที่รุนแรงหรือนวดหน้าในช่วง 7-10 วันหลังการผ่าตัดเพื่อไม่ให้ไขมันที่ฉีดสลายตัว
- หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารรสจัด อาหารร้อน ของหมักดองอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดสัมผัสหน้าด้วยความรุนแรงหรือการนวดหน้าในช่วง 7-10 วันหลังการทำการฉีด เพื่อไม่ให้ไขมันที่ฉีดเข้าไปสลายตัว
- หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารรสจัด อาหารร้อน ของหมักดองอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงให้ใบหน้าอยู่ในสภาวะอุณหภูมิเย็นหรือร้อนจัดประมาณ 1 เดือนหลังการฉีด เพราะไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจสลายตัวได้
- งดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 1 เดือนหลังการฉีดไขมัน
- งดการออกกำลังกายหนักจนกว่าแผลจะหายไปเป็นปกติ
- นัดพบแพทย์ตามนัดหมายที่กำหนด และหากมีอาการผิดปกติใดๆ ควรไปพบแพทย์โดยไม่ต้องรอถึงวันนัดหมายได้
3.การเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคน: วิธีนี้เป็นกระบวนการผ่าตัดเล็กๆ โดยใช้ซิลิโคนที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อเสริมร่องแก้ม การฉีดซิลิโคนจะทำผ่านการทำแผลเล็กๆ ภายในปาก ใกล้เหงือกด้านบน ภายใต้ร่องแก้ม แผลเล็กๆ นี้ใช้เพื่อใส่ซิลิโคนที่มีขนาดประมาณ 0.5-1 เซนติเมตรลงไปในทั้งสองข้าง ซิลิโคนช่วยเสริมร่องแก้มและป้องกันผิวหนังไม่เกิดร่องลึก ผลลัพธ์ที่ได้คือร่องแก้มที่ยกขึ้นและดูธรรมชาติ กระบวนการนี้ไม่ทำให้เกิดแผลภายนอกที่มองเห็น
ข้อดีของการเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคนคือดังนี้:
- ร่องแก้มจะดูตื้นขึ้นและมีลักษณะที่สวยงามอย่างถาวร ซึ่งช่วยเพิ่มความเสมอภาคและความเต็มเต็มให้กับร่องแก้มของคุณ
- กระบวนการฉีดซิลิโคนในร่องแก้มมีอาการเจ็บน้อย และแผลที่เกิดขึ้นจากการผ่าตัดจะเล็ก ซึ่งทำให้ไม่ต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว
- แผลที่เกิดจากการฉีดซิลิโคนจะอยู่ภายในช่องปาก ซึ่งหมายความว่าไม่มีแผลที่ภายนอกสามารถมองเห็นได้ ซึ่งทำให้ผู้คนไม่ต้องกังวลหรือมีความเป็นห่วงในการปรากฏแผลหรือรอยสิวภายนอก
- การเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคนสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้ เช่น การฉีดไขมันเติมร่องแก้ม ซึ่งช่วยเพิ่มความเต็มเต็มและความสมดุลของร่องแก้มให้กับคุณ
การเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคนเป็นกระบวนการที่มีประโยชน์และสามารถช่วยเสริมความสวยงามแก่ร่องแก้มของคุณได้อย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม คุณควรพูดคุยกับแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและข้อมูลที่ถูกต้องก่อนตัดสินใจ
ข้อเสียของการเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคนคือดังนี้:
การเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคนสามารถแก้ไขได้เฉพาะบริเวณร่องแก้มเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าร่องมุมปากอาจไม่ได้รับการปรับปรุงหรือเสริมความสมดุลเช่นเดียวกับร่องแก้ม
หากร่องแก้มของคุณลึกมาก อาจจำเป็นต้องใช้ซิลิโคนที่มีความหนามาก เพื่อเติมความสมดุลให้กับร่องแก้ม ในช่วงเริ่มต้นหลังการผ่าตัด คุณอาจรู้สึกว่าริมฝีปากบนตึงมากกว่าปกติ ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายช่วงแรก
การเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคนมีข้อเสียเหล่านี้อยู่ คุณควรพิจารณาอย่างรอบคอบและสอบถามแพทย์เพื่อเข้าใจข้อจำกัดและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นก่อนตัดสินใจทำกระบวนการนี้
ขั้นตอนการผ่าตัดเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคนมีดังนี้:
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับซิลิโคนที่ใช้ในกระบวนการนี้ และกำหนดตำแหน่งที่ต้องการเสริมร่องแก้มไว้ก่อนการผ่าตัด การตรวจวัดความดันอาจจำเป็นเพื่อปรับตำแหน่งให้ถูกต้อง
- แพทย์จัดท่าที่เหมาะสมให้กับผู้รับบริการและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวระหว่างกระบวนการผ่าตัด
- แพทย์ฉีดสารละลายผสมยารอบจมูกและปากบน เพื่อเตรียมผู้รับบริการสำหรับการผ่าตัด
- ในบางกรณี แพทย์อาจพิจารณาให้ยาสลบเพื่อช่วยลดความกังวลของผู้รับบริการ
- แพทย์ทำการเจาะเปิดแผลที่ตำแหน่งที่ต้องการเสริมร่องแก้ม โดยเปิดแผลด้านบนเหงือกเพื่อสร้างช่องว่างข้างของจมูก ความยาวของแผลประมาณ 0.5-1 ซม.
- แพทย์ใส่แท่งซิลิโคนลงในช่องว่างที่ได้เตรียมไว้
- แพทย์เย็บปิดแผลโดยใช้ไหมละลาย
- ปิดพลาสเตอร์เพื่อช่วยป้องกันการเคลื่อนไหวของซิลิโคน
เมื่อผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้ว ผู้รับบริการจะต้องนอนพักฟื้นในโรงพยาบาล และหลังจากนั้
การดูแลตัวเองหลังเสริมร่องแก้มด้วยซิลิโคนเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำเพื่อให้แผลหายเร็วและป้องกันการติดเชื้อได้ นี่คือขั้นตอนที่ควรปฏิบัติ:
- รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งมา
- ประคบน้ำเย็นที่บริเวณร่องแก้มภายใน 2 วันแรกหลังการผ่าตัด เพื่อลดอาการบวมและห้ามเลือดได้
- นอนโดยยกศีรษะสูงกว่าร่างกายอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
- งดการทำงานหรือออกกำลังกายหนักประมาณ 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
- งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ประมาณ 1 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
- งดอาหารหมักดอง อาหารทะเล และอาหารรสเผ็ดร้อนประมาณ 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่ประมาณ 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
- บ้วนปากบ่อยๆด้วยน้ำเกลือหรือน้ำยาบ้วนปาก และสามารถล้างหน้าและแปรงฟันได้ตามปกติ
- งดทานยาอาหารเสริม วิตามินต่างๆ หรือยาที่เพิ่มการไหลเวียนเลือดประมาณ 3 เดือนหลังการผ่าตัด
- นัดพบแพทย์ตามนัด และหากมีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ทันทีโดยไม่ต้องรอถึงเวลานัด
การเตรียมตัวก่อนเสริมร่องแก้มเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่จะช่วยให้การรักษาประสบความสำเร็จ นี่คือคำแนะนำที่ควรทำ:
- หากคุณมีโรคประจำตัวหรือต้องรับประทานยาประจำ หรือมีประวัติการแพ้ยา คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนที่จะได้รับการบริการ
- หากมีแผลหรือสิวบริเวณร่องแก้มหรือด้านข้างของจมูก คุณควรรอให้สิวหรือแผลหายก่อนที่จะได้รับการบริการ
- คุณควรงดรับประทานยาในกลุ่มยาที่มีประสิทธิภาพในการต้านการเกล็ดเลือดและยาละลายลิ่มเลือดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนที่จะได้รับการบริการ
- คุณควรงดการบริโภคสมุนไพร วิตามิน และอาหารเสริมต่างๆ เช่น วิตามินอี วิตามินเอ น้ำมันตับปลา เมล็ดองุ่น ใบแปะก๊วย โสม และผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนที่จะได้รับการบริการ
- คุณควรงดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และหยุดสูบบุหรี่ประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนที่จะได้รับการบริการ
- ควรทำความสะอาดร่างกาย เช่น อาบน้ำ ล้างผม ล้างหน้า แปรงฟัน และบ้วนปากให้สะอาดในวันที่ได้รับการบริการ
- ควรทำความสะอาดร่างกายโดยอาบน้ำ สระผม ล้างหน้า แปรงฟัน และบ้วนปากให้เรียบร้อยในวันที่ได้รับการบริการ
- ในวันที่ได้รับการบริการคุณควรสวมเสื้อผ้าที่มีกระดุมหน้า ที่สบายและหลวม เพื่อให้ง่ายต่อการถอดและไม่สวมเสื้อผ้าที่มีโลหะที่นำไฟฟ้า
- ในวันที่ได้รับการบริการควรงดการใช้เครื่องสำอางบริเวณใบหน้าและงดใส่คอนแทคเลนส์ รีเทนเนอร์ ฟันปลอม เครื่องประดับทุกชนิด
- ในกรณีที่คุณเสริมร่องแก้มด้วยการฉีดฟิลเลอร์ ควรงดใช้ยาผลัดเซลล์ผิว การดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีด และงดการยิงเลเซอร์และนวดหน้าอย่างน้อย 3 วันก่อนการบริการ
- หากคุณมีการทาเล็บและต่อเล็บ คุณควรทำความสะอาดล้างสีเล็บและถอดเล็บต่อออกก่อนวันผ่าตัด ในกรณีที่คุณเสริมร่องแก้มด้วยการฉีดไขมัน
ควรเตรียมวันหยุดเพื่อพักฟื้นที่บ้านหลังการผ่าตัดประมาณ 3-5 วันในกรณีที่คุณเสริมร่องแก้มด้วยการฉีดไขมัน