เสริมขมับ

การเสริมขมับ

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับขมับ ที่มีลักษณะบุ๋มหรือแบนโดยเฉพาะ การเสริมขมับสามารถทำได้โดยใช้การฉีดฟิลเลอร์และเสริมด้วยซิลิโคนได้ทั้งสองวิธี โดยทั่วไปแล้วผู้ที่มีปัญหานี้มักจะเป็นชาวต่างชาติเนื่องจากผิวข้อนข้างบาง ซึ่งทำให้ผิวหย่อนคล้อยและมีริ้วรอยเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม บางคนในชาวไทยก็มีปัญหาเหล่านี้เช่นกัน

ขมับที่ยุบหรือเป็นหลุม จะมีลักษณะเป็นการยุบตัวลงไปในบริเวณขมับเหมือนมีรอยบุ๋มอยู่ ดังนั้นจึงเกิดจากโครงสร้างกะโหลกศรีษะของแต่ละคน โดยทั่วไปกระดูกด้านหน้าบริเวณหน้าผาก ขมับ และคางจะบางและอยู่ชิดกับผิวหนัง หากเอามือลองจับก็จะเจอกับกระดูกได้เลย แต่บริเวณข้างๆ บริเวณขมับจะเป็นกล้ามเนื้อใหญ่ ซึ่งในบางคนอาจเป็นช่องหลุมลึก เนื่องจากกล้ามเนื้อด้านในมีขนาดเล็กหรือฝ่อมากกว่าคนอื่น ทำให้พื้นที่ด้านในไม่เต็มพอดีกับผิวหนังด้านนอก ซึ่งเป็นส่วนโครงสร้างของกระโหลกศรีษะ จึงมองเห็นว่าบริเวณขมับตอบหรือเป็นรอยบุ๋ม

การเสริมขมับสามารถทำได้หลายวิธี ได้แก่

  • การฉีดฟิลเลอร์ผิวหนัง
    ฟิลเลอร์ผิวหนังเป็นสารที่ฉีดเข้าไปในร่างกาย มีหลายประเภท แต่ต้องใช้ Hyaluronic Acid (HA) ที่เป็นสารชนิดพื้นฐานและไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายเท่านั้น ข้อดีของ HA คือการรักษาง่ายและสามารถทำโดยการฉีดเข้าไปโดยไม่ต้องหยุดงานหรือกิจกรรมใดๆ เนื่องจากการบวม ข้อเสียคือไม่ใช่วิธีการแก้ไขอย่างถาวรและมีอายุการใช้งานเพียง 8-12 เดือน และราคาแพง อย่างไรก็ตามสารฟิลเลอร์นี้สามารถละลายได้ภายในช่วงเวลานั้น.

  • การฉีดไขมัน
    การฉีดไขมันนี้เป็นการนำเอาเซลล์ไขมันจากส่วนต่างๆ ของร่างกายมาฉีดเข้าไปในแก้มเพื่อเพิ่มความเต็มให้กับแก้ม โดยเนื่องจากเซลล์ไขมันเป็นเซลล์ที่มีชีวิตอยู่จริง ผลลัพธ์จึงยาวนานและคงที่ แต่ข้อเสียคือไม่ใช้เซลล์ไขมันที่ฉีดเข้าไปทั้งหมดที่จะรอดชีวิต และอาจต้องฉีดเพิ่มใหม่ในภายหลังหากเทคนิคการฉีดไม่ถูกต้อง

  • การเสริมขมับด้วยแผ่นซิลิโคน
    ในอดีดอาจไม่ได้เห็นการเสริมขมับโดยใช้แผ่นซิลิโคนมากนักเพราะยังไม่มีแบบสำเร็จรูป โดยมักจะใช้ซิลิโตยมาเหลา โดยในปัจจุบันการใช้ซิลิโคนสำเร็จทำให้การผ่าตัดง่าย รวดเร็ว และสวยงามขึ้น ข้อได้เปรียบคือสามารถถูกเอาออกได้หากต้องการ และเจาะแผลจะถูกซ่อนอยู่ในเส้นขนทำให้มีการบวมน้อยกว่าการฉีดไขมัน
การเตรียมตัวเสริมขมับ

การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด

  • แนะนำว่าควรเตรียมตัวก่อนการผ่าตัดโดยหลีกเลี่ยงการใช้ยารักษาอักเสบ เช่น แอสไพริน การสูบบุหรี่ และอาหารเสริมอาหารบางชนิดที่อาจมีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น กระเทียมและน้ำปลา อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
  • นอกจากนี้ มีสมุนไพรบางชนิด เช่น ดอกของตะไคร้เยอะ และวิตามิน E เป็นประจำ รวมถึงอาหารที่มีโมโนไซเดียมกลูตาเมต เช่น กระเทียม หอมและผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง อาจทำให้มีการเลือดออกมากเกินไปหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆระหว่างการผ่าตัด ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์ให้ทราบหากมีการใช้สารเหล่านี้ และอาจต้องหยุดใช้เป็นเวลาประมาณ 7-10 วันก่อนการผ่าตัด
  • ควรสระผมในเช้าวันที่ผ่าตัดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • ผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงควรควบคุมให้อยู่ในระดับปกติเป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
  • ควรวางแผนให้มีเวลาพักผ่อนอย่างน้อย 2 วันก่อนและหลังการผ่าตัด
  • ควรนำเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวมาด้วยในวันที่ผ่าตัด
  • ควรแจ้งแพทย์หากมีโรคเรื้อรัง
  • ผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวกับหัวใจควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  • ในกรณีที่มีการวางยาสลบ ต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง

ขั้นตอนการผ่าตัด

  • การผ่าตัดทำโดยฉีดยาชาหรือดมยาสลบ โดยทั่วไปทำที่คลีนิกโดยไม่ต้องดมยาสลบ
  • ฉีดยาชาผสมยาหยุดเลือด ที่ศรีษะหลังไรผมประมาณ 3-4 ซม. และบริเวณขมับที่จะเสริม
  • ลงแผลผ่าตัดบริเวณหลังไรผม 3 ซม. แผลยาวประมาณ 2-3 ซม.
  • เปิดช่องว่างในตำแหน่งของขมับที่ต้องการเสริม
  • ใส่ซิลิโคนแผ่นในตำแหน่งที่ต้องการ จัดเรียงจนได้ตำแหน่งที่เหมาะสม
  • โดยทั่วไปจะไม่ใส่สายระบายน้ำเหลือง
  • เย็บปิดแผลโดยใช้ไหมขนาดเล็ก
  • หลังผ่าตัด ถ้าฉีดยาชา อาจพักผ่อนที่คลีนิกประมาณ 1-2 ชั่วโม

การดูแลหลังการผ่าตัด

  1. ประคบเย็นที่บริเวณขมับ
  • ประมาณ 4 ครั้งต่อวัน
  • เพื่อลดอาการบวมประมาณ 7-10 วัน
  1. การนอน
  • นอนยกศรีษะสูงๆ (หนุนหมอน 2 ใบ)
  • เช้าวันรุ่งขึ้นให้เช็ดแผลด้วยน้ำเกลือ
  • สระผมได้โดยเกาอย่างเบามือเพื่อล้างคราบเลือดออก
  • ซับแล้วเป่าผมให้แห้ง
  • สามารถสระผมได้ทุกวันตามปกติ
  1. การคลายกล้ามเนื้อ
  • คลายไหมที่ศรีษะ ในช่วง 7 วันหลังทำการผ่าตัด
  • เพื่อลดอาการตึงจะได้สุขสบายขึ้น
  1. การตัดไหม
  • ตัดไหมออกทั้งหมดในช่วง 10 วันหลังทำการผ่าตัด
  1. การรับประทานยา
  • รับประทานยาตามแพทย์สั่งจนหมด
  • หากเกิดอาการแพ้ยา ให้มาพบแพทย์ทันที
  1. การล้างหน้าสระผม
  • สามารถล้างหน้าสระผมได้ตามปกติ
  • อย่างไรก็ตามให้รอจนหลังผ่าตัด 1 เดือนก่อนที่จะสามารถทำสีผมได้
  1. การประคบบริเวณแผล
  • หากมีรอยเขียวช้ำสามารถประคบน้ำอุ่นได้
  • ประมาณ 2 ครั้งต่อวัน
  • ในช่วง 2 อาทิตย์หลั